Apple กล่าวว่ากำลังจะแทนที่ iTunesด้วยแอปพลิเคชั่นเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ 3 แอปพลิเคชั่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Mac ใหม่ Catalina สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแล็ปท็อป
เหตุผลสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้นขึ้นอยู่กับวิธีที่เรารับชม ฟัง ดาวน์โหลด และสตรีมสื่อในปัจจุบัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รวมถึงผู้เล่นใหม่ รูปแบบสื่อใหม่ และเนื้อหาสดใหม่มากมายที่อัปโหลดทุกวัน
บริการด้านสื่อของคนรุ่นใหม่ได้สร้างตัวเองอย่างรวดเร็วในฐานะ
ผู้นำตลาด โดยมุ่งเน้นไปที่รูปแบบสื่อเดียว เช่น วิดีโอสำหรับ Netflix และเสียงสำหรับ Spotify
สำหรับ Apple การแยกเพลง ทีวี และพ็อดคาสท์ช่วยให้สามารถปรับแต่งแต่ละแอพด้วยวิธีที่แตกต่างกัน อินเทอร์เฟซผู้ใช้ ไลบรารี และคำแนะนำส่วนบุคคลทั้งหมดสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับรูปแบบสื่อเฉพาะแต่ละรูปแบบได้ในอนาคต
iTunes เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 18 ปีที่แล้วโดย Steve Jobs ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ในตอนนั้น จ็อบส์ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ มีแพลตฟอร์มสื่อสำหรับผู้ใช้อยู่แล้ว แต่มีความซับซ้อนเกินไป
Jobs กล่าวว่า Apple “ไปงานปาร์ตี้นี้ช้าและเรากำลังจะทำแบบก้าวกระโดด” ด้วยระบบที่ง่ายกว่าใน iTunes สำหรับการเล่นเสียงและวิดีโอ ต่อมาในปีเดียวกันนั้น Apple ได้ประกาศชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของปริศนานี้ นั่นคือ iPod เครื่องเล่น MP3 ของApple เอง
สิ่งที่ Apple กำลังทำอยู่นี้เป็นอีกหนึ่งศักยภาพในการ “ก้าวกระโดด” ในการแทนที่ iTunes ด้วยแอพพลิเคชั่นเฉพาะสามตัว
การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทสำหรับอุปกรณ์พกพา ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นเฉพาะสำหรับเพลง ทีวี และพ็อดคาสท์อยู่แล้ว
พอดคาสต์ไม่ใช่สื่อรูปแบบใหม่ แต่รายงานล่าสุดของ Reuters Institute Digital Newsกล่าวว่าพวกเขาได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก “เนื้อหาที่ดีขึ้นและการเผยแพร่ที่ง่ายขึ้น”
นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี ยังฟังพอดคาสต์มากเป็นสองเท่าของผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี รายงานระบุว่า นี่เป็นเพราะกลุ่มประชากรที่อายุน้อยกว่าหันมาใช้สมาร์ทโฟนและบริการสตรีมมิ่ง
Anchor เป็นบริการฟรีที่ช่วยให้ผู้คนสร้างและเผยแพร่พอดแคสต์
โดยระบุว่า Apple Podcastเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ฟังพ็อดคาสท์บนแพลตฟอร์มของตนมากที่สุด โดยมากกว่า 50% ประการที่สองคือ Spotify ที่ 19% และแพลตฟอร์มอื่น ๆ น้อยกว่า 5%
สิ่งนี้บ่งบอกถึงความโดดเด่นของ Apple ในพื้นที่พอดคาสต์ ในปี 2018 รายงานระบุว่ามีรายการที่กำลังดำเนินอยู่มากกว่า 525,000 รายการ และมีมากกว่า 18.5 ล้านตอนบนแพลตฟอร์มพอดคาสต์ของ Apple ในปีเดียวกันนั้น Apple มียอดดาวน์โหลดและสตรีมตอนต่างๆ สูงสุด 5 หมื่นล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าของยอดดาวน์โหลดทั้งหมดในปี 2560 คือ 13.7 พันล้านครั้ง
แม้ว่า Apple จะเป็น แพลตฟอร์ม ที่ใช้มากที่สุดสำหรับการฟังพอดแคสต์ แต่ก็เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอุปกรณ์พกพาจากบริษัทต่างๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการคู่แข่ง เช่น Android
ปีที่แล้ว Apple ลดลงเป็นอันดับสามสำหรับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก Samsung ยังคงเป็นผู้นำ โดย Huawei เติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2018 เพื่อแซงหน้า Apple
อนาคตสำหรับวิดีโอ
การตัดสินใจล่าสุดของ Apple ในการแยก iTunes นั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดวิดีโอออนดีมานด์ รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากที่จะตามมา และ Apple ตั้งใจที่จะพร้อมอย่างชัดเจน Apple ได้ประกาศว่าจะเปิด ตัวบริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีนี้
Apple จะต้องแข่งขันกับ Netflix ยักษ์ใหญ่ด้านสตรีมมิ่งซึ่งมีสมาชิก 60 ล้านรายในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว แต่จะแข่งขันกับ Hulu ซึ่งมีสมาชิก 28 ล้านรายในสหรัฐฯ
บริการใหม่ อื่นๆในสหรัฐอเมริกาจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ เช่นDisney+ , NBC Universal และ WarnerMedia ของ AT&T
อ่านเพิ่มเติม: การปิดกั้น 5G ของ Huawei อาจแยกออสเตรเลียออกจากโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต
ในออสเตรเลีย เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในพฤติกรรมการรับชมวิดีโอตั้งแต่เปิดตัว Netflixในปี 2558 การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคและอุตสาหกรรมเองมีผลกระทบอย่างมากต่อภูมิทัศน์สื่อของออสเตรเลีย คุณสามารถคาดหวังว่าสิ่งนี้จะดำเนินต่อไปเนื่องจากบริการบางอย่างที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในปีนี้จะขยายไปยังออสเตรเลีย
ยังไม่ทราบว่าบริการ Apple TV+ จะเปิดตัวในออสเตรเลียเมื่อใด แต่แอป Apple TV มีให้บริการสำหรับชาวออสเตรเลีย ดูเหมือนว่าบริษัทมีแผนที่จะรวบรวมเนื้อหาวิดีโอจากบริการต่างๆ รวมถึงบริการวิดีโอออนดีมานด์ (BVoD) ของผู้แพร่ภาพกระจายเสียง เช่น ABC iView และ TenPlay ด้วยวิธีนี้
ดังนั้น Apple จึงกำลังต่อสู้ในหลายด้านทั้งทีวี เพลง และพ็อดคาสท์ เพื่อรักษาหรือบรรลุความเป็นผู้นำตลาด ด้วยการทำตลาดแอปพลิเคชันสื่อสามรายการแยกกัน จึงสามารถลงทุนในพื้นที่สื่อแต่ละส่วนได้ตามต้องการ หรือลบตัวเองออกทั้งหมด
